หลายท่านอาจมองว่าการเติมน้ำมันเป็นเรื่องเล็กน้อย เติมน้ำมันผิดประเภทอาจจะไม่เป็นผลอะไร ซึ่งนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ เพราะการเติมน้ำมันผิดประเภทอาจทำให้รถของเราพังได้เลยนะ และยิ่งในปัจจุบันมีน้ำมันให้เลือกหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นประเภทน้ำมันดีเซล ที่มีทั้ง B7, B10, B20 และดีเซลพรีเมี่ยม หรือประเภทน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ โดยประเภทน้ำมันเหล่านี้จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของรถแต่ละรุ่นอีกด้วย
ประเภทของรถยนต์ โดยทั่วไปแล้วรถยนต์จะถูกแบ่งเครื่องยนต์ออกเป็น 2 ประเภท เบนซิล ดีเซล ซึ่งเครื่องยนต์แต่ละประเภทก็จำเป็นจะต้องเติมน้ำมันให้ถูกต้องกับเครื่องยนต์ประเภทนั้นๆ หากมีการเติมผิดประเภทสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
ในกรณีที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล…แต่เติมน้ำมันเบนซิน
มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติ เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ มีอาการสะดุด และเครื่องยนต์ดับ ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ การฉีดน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เกิดการลุกไหม้เร็วจนเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง และจะดับทันที อุปกรณ์ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดความเสียหายอย่างเช่น ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั้มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล
ในกรณีที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน…แต่เติมน้ำมันดีเซล
ประเภทน้ำมันดีเซลจะมีค่าความหนืดที่มากกว่าเบนซิน ซึ่งจะทำให้หัวฉีดเกิดอุดตันได้ หัวฉีดจะไม่เป็นฝอยละออง จึงทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ ไส้กรองเบนซินอุดตัน หัวฉีดไม่เป็นฝอยละออง และเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับ เครื่องยนต์จะมีเสียงดังขณะที่กำลังเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ จนไม่สามารถทำความเร็วได้ ระบบแสดงไฟขึ้นเตือนเครื่องยนต์ปรากฏขึ้น และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้จนไม่สามารถสตาร์ทรถได้
รู้ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
หากรู้ว่าเติมผิดสิ่งแรกที่ไม่ควรทำเลยก็คือ การสตาร์ทรถ เพราะว่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดจะถูกปั้มดูดเข้าไปในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงทันทีนั่นเอง แจ้งกับทางพนักงานปั้มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นออกให้หมดจากถัง เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังในปริมาณที่พอจะสตาร์ทรถติด (ประมาณ 5-10 ลิตร) ทำการสตาร์ทรถแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด แบบดิจิตอล) โดยห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์เด็ดขาดครับ สังเกตที่ไฟเตือนต่างๆ บนหน้าปัด หากปกติจะไม่ขึ้นไฟเตือนใดๆ ทำการเปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายสุด-ขวาสุด จากนั้นสังเกตอาการของเครื่องยนต์ว่ามีการสั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่ เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมกับเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่ ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสัดระยะหนึ่งก่อน แล้วรอจนกว่าเครื่องยนต์จะทำงานเป็นปกติ จากนนั้นค่อยทำการเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์
รู้หลังสตาร์ทเครื่องยนต์
ดับเครื่องยนต์ทันที แจ้งพนักงานปั้มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิด โดยดูดออกให้หมดถัง ถอดพร้อมกับทำการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่ ถอดหัวฉีด (ดีเซลหรือเบนซิน) และหัวเทียน (เบนซิน) แล้วทำการล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ ถอดปั้มหัวฉีดเครื่องยนต์ดีเซลส่งไปร้านเพื่อทำการเทสปั้มหัวฉีดดีเซล (เครื่องยนต์เบนซินจะไม่มี) ถอดฝาสูบเครื่องยนต์เพื่อเช็กความบิดเบี้ยว (ฝาโก่ง) ก้านวาล์วไอดี-ก้านวาล์วไอเสียคดหรือไม่ หลังจากนั้นให้ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์แล้วเติมน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ในถังประมาณ 5-10 ลิตร เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังเพื่อทำการสตาร์ทรถ ประมาณ 5-10 ลิตร ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์จนติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด แบบดิจิตอล) โดยห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์เด็ดขาดครับ สังเกตที่ไฟเตือนต่างๆ บนหน้าปัด หากปกติจะไม่ขึ้นไฟเตือนใดๆ ทำการเปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายสุด-ขวาสุด จากนั้นสังเกตอาการของเครื่องยนต์ว่ามีการสั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่ เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมกับเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่ ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสัดระยะหนึ่งก่อน แล้วรอจนกว่าเครื่องยนต์จะทำงานเป็นปกติ จากนนั้นค่อยทำการเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์
ป้องกันไม่ให้เติมผิด
บอกประเภท และชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงให้ถูกต้อง และชัดเจน สังเกตว่าผู้คุมหัวจ่ายว่าคว้าหัวจ่ายน้ำมันถูกประเภทหรือไม่ ตรวจสอบที่ใบเสร็จเพื่อเช็กรายละเอียดของการเติมน้ำมันให้เรียบร้อย เพราะหากเกิดปัญหาในการเติมน้ำมันจะได้ใช้ใบเสร็จเพื่อเป็นหลักฐานได้
เคลมได้หรือไม่? หากเติมน้ำมันผิดและเครื่องพัง
สามารถเคลมประกันภัยได้นะครับ แต่จะต้องเป็นประกันภัยชั้น 1 เท่านั้นนะ เพราะเนื่องจากการเติมน้ำมันผิดเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ ฉะนั้น จะเข้าข่ายความคุ้มครองครับ สำหรับวิธีการก็คือให้รีบทำการแจ้งกับเจ้าหน้าที่ประกันโดยทันทีในขณะที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจเช็กความเสียหายเบื้องต้นนั่นเองครับ
การเติมน้ำมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยหรือชะล่าใจ จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ทางที่ดีควรสังเกตทุกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด แต่หากเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ จะต้องให้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องยนต์มาจัดการเพื่อทำการดูแลพร้อมให้ความช่วยเหลือที่ถูกต้อง อย่าฝืนใช้รถทั้งๆ ที่เติมน้ำมันผิดนะครับ เพราะนั้นจะทำให้เครื่องยนต์รถของเราเกิดความเสียหาย และรถยนต์ก็จะพังได้ง่ายนั่นเอง อย่าลืมมีประกันติดตัวไว้ด้วยนะครับ เพราะหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ประกันจะสามารถช่วยเราได้นั่นเอง