
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ชินกันวิธีการเรียกความเข้มของฟิล์มกรองแสง ไปตามตัวเลขที่มากขึ้น ในลักษณะที่ว่า “ฟิล์มยิ่งเข้ม ตัวเลขแทนความเข้มยิ่งมีค่าสูง” เช่น ฟิล์ม 60 เข้มกว่าฟิล์ม 40 เป็นต้น หากเปรียบเทียบความเข้าใจ ฟิล์มใสสำหรับคนไทย ก็คงจะเป็นฟิล์มรถยนต์เบอร์ 0% และฟิล์มรถเบอร์เข้มที่สุดก็จะเป็นฟิล์ม 100%
แต่สาเหตุที่ตัวเลข 40 60 80 กำเนิดขึ้นมาในวงการฟิล์มกรองแสงเมืองไทยนั้น เกิดจากการที่ร้านฟิล์มในประเทศไทย นิยมเลือกนำเข้าฟิล์มกรองแสงเข้มๆ ที่มีค่ากันร้อนสูงมาจำหน่าย (เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองร้อน) เพราะฉะนั้น เฉดความเข้มฟิล์มกรองแสง พิมพ์นิยม ในบ้านเราจึงตกอยู่ในตัวเลข 3 ค่านี้ด้วยกัน นั่นก็คือ
ฟิล์มรถยนต์ 40 = เข้มน้อย มองจากภายนอกยังเห็นห้องโดยสารภายในได้
ฟิล์มรถยนต์ 60 = เข้มปานกลาง ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายทั่วไป
ฟิล์มรถยนต์ 80 = เข้มมาก ฟิล์มมองจากภายนอกจะดูเข้ม เน้นความเป็นส่วนตัว
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Transmission : VLT) คืออะไร?
ค่า VLT คือ ค่าที่บอกถึงปริมาณของแสงสว่างที่สามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาภายในรถได้ โดยแสดงในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ ถ้าค่า % ยิ่งน้อย หมายถึง แสงผ่านเข้ามาได้น้อย สีฟิล์มก็ยิ่งเข้ม และถ้าค่า % สูง หมายถึง แสงผ่านเข้ามาได้มาก สีฟิล์มจะยิ่งใส จะเห็นได้ว่าการระบุสเปกของฟิล์มตามค่า %VLT จะทำได้ละเอียดกว่าการระบุความเข้มแบบ 40 / 60 / 80 มากๆ
อย่างไรก็ตาม หากเรานำค่าความเข้มฟิล์ม 40 / 60 / 80 แบบฉบับของไทย มาจัดหมวดหมู่แบบสากลตามสเกลค่า %VLT เราก็จะได้คำตอบประมาณนี้
ฟิล์มรถยนต์ 40 = มีค่า VLT อยู่ในช่วง 40 – 80%
ฟิล์มรถยนต์ 60 = มีค่า VLT อยู่ในช่วง 20 – 39%
ฟิล์มรถยนต์ 80 = มีค่า VLT อยู่ในช่วง 5-19%
ความเข้มฟิล์มรถยนต์ 40 / 60 / 80 เป็นการเรียกค่าความเข้มของฟิล์มที่มีเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น ยิ่งค่าสูง ยิ่งหมายถึงมีความเข้มสูง แต่ในทางกลับกัน ระบบสากลจะใช้ค่า %VLT (Visible Light Transmission) เป็นมาตรฐาน ค่า % ยิ่งมาก ฟิล์มยิ่งใส ทั้งนี้คุณควรเลือกความเข้มของฟิล์มรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานของท่าน นอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว จะได้ปลอดภัยต่อการขับขี่ด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : https://www.laminafilms.com