
1.ควรตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างทั้งไฟสูง ไฟต่ำ ไฟสัญญาณให้พร้อมใช้งานทุกดวง
2.หลีกเลี่ยงการดื่มของมึนเมาหรือทานยาประเภทที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน เพราะอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้
3.ตรวจสภาพอากาศ หากมีหมอกลงจัดหรือฝนตกหนัก จะทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง ควรลดความเร็ว
ศึกษาสภาพเส้นทาง หากสภาพพื้นผิวถนนไม่ดี มีการก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างการซ่อมแซมให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่ปลอดภัย
4.หากท้องฟ้าเริ่มมืดให้รีบเปิดไฟหน้ารถ เพื่อให้ผู้ขับขี่อื่นสังเกตเห็นรถของเราได้ดีขึ้น
5.หลีกเลี่ยงใช้รถที่ติดฟิล์มกรองแสงเกินกว่าค่ามาตรฐานที่ทางการกำหนดในการเดินทาง แต่หากจำเป็นต้องใช้ ผู้ขับขี่ก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นอย่างมาก เนื่องจาก ฟิล์มที่มืด กอปรกับ สภาพแวดล้อมภายนอกก็มืด ผู้ขับขี่ยิ่งต้องเพ่งสายตามากกว่าปกติเข้าไปอีก ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลงเป็นอย่างมาก
6.ขับรถด้วยความเร็วที่สามารถจะหยุดรถได้ในขอบเขตที่สายตามองเห็นได้ และสอดคล้องกับระยะทางที่ไฟหน้ารถส่องถึง โดยปกติไฟต่ำจะสามารถมองเห็นสิ่งกีดขวางได้ชัดเจนไม่เกิน 40 เมตร ส่วนไฟสูงส่องได้ไกลประมาณ 100 เมตร
7.ก่อนแซงทุกครั้งต้องดูให้แน่ใจก่อนว่า ไม่มีรถสวนมา ถ้าเห็นดวงไฟคู่หน้าเป็นดวงเดียวกันแสดงว่า รถอยู่ไกลให้แซงได้ แต่ไม่ควรประมาท เพราะอาจจะเป็นรถจักรยานยนต์ หรือ รถยนต์ที่ไฟหน้าชำรุดก็ได้ คลิคดู หลักการแซง และการถูกแซง
8.หากต้องขับผ่านเส้นทางที่มืดมากๆ ให้เปิดไฟสูง ถ้ามีรถสวนมาให้เปลี่ยนไฟต่ำทันที ถ้ามองเห็นทางข้างหน้าไม่ชัดเจน ให้ใช้วิธีกะพริบไฟสูงเป็นระยะๆ กรณีเป็นเส้นทางคดเคี้ยวตามไหล่เขา ขณะเข้าโค้งควรกะพริบไฟสูงเพื่อเตือนรถคันที่สวนมาให้รู้
9.กรณีรถเสีย ให้จอดรถชิดข้างทางห่างจากเส้นขอบถนนมากที่สุด พร้อมให้สัญญาณเตือนให้รถคันหลังทราบว่ารถเสีย โดยเปิดไฟฉุกเฉินหรือนำแผ่นป้ายสามเหลี่ยมที่มีแสงสะท้อนบอกเหตุฉุกเฉินวางไว้ด้านหลัง ห่างรถประมาณ 10 เมตร
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : https://www.motorexpo.co.th