
วิธีขับขึ้นเขา – ลงเขา อย่างไรให้เซียน!!!
มาดูกันว่า “เมื่อผู้ขับขี่รถลงจากทางลาดชันหรือภูเขาจะต้องปฏิบัติอย่างไร ?”
- ห้ามใช้เกียร์ว่าง
การขับรถลงทางลาดชัน หรือภูเขา “ห้าม” ใส่เกียร์ว่าง ปล่อยรถให้ไหลโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียการทรงตัว เนื่องจากรถนั้นมีน้ำหนักมาก ถ้าผู้ขับขี่ปล่อยรถที่เกียร์ว่าง รถจะพุ่งลงเขาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงโน้มถ่วงโลก อาจเกิดอันตรายได้ ทางที่ดีควรใช้แรงฉุดจากเครื่องยนต์ (ENGINE BRAKE) ในการช่วยเบรค ด้วยการลดเกียร์ลงครั้งละ 1 จังหวะ ตามแต่ความเหมาะสม โดยต้องเปลี่ยนให้สัมพันธ์กับความเร็ว ซึ่งมีผลให้รอบเครื่องยนต์เพิ่มสูงขึ้น แต่ความเร็วของรถจะลดลงอย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถควบคุมรถได้ - ห้ามเหยียบคลัทซ์
คลัชทำหน้าที่เชื่อมต่อแรงฉุดจากเครื่องยนต์ผ่านเกียร์ไปยังล้อรถ ดังนั้นขณะรถวิ่ง และยังคาเกียร์อยู่ แรงฉุดจากเครื่องยนต์ จะถ่ายทอดกำลังไปกดที่ล้อรถ เมื่อรถกำลังแล่น และไปเหยียบคลัชเข้า จะทำให้แรงกดถนนจากเครื่องยนต์ถูกตัดขาด รถจะไม่เกาะถนน ยิ่งหากถนนลื่นหรือมีการหักเลี้ยว รถจะเสียการทรงตัวหมุนทันที ฉะนั้ยผู้ที่เคยชินกับการเบรคโดยการเหยียบคลัชไปด้วย ทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้น เนื่องจากแรงฉุดจากเครื่องยนต์ถูกตัดขาด การเบรคและการบังคับรถจะทำได้ยากขึ้น ลองมาฝึกเหยียบคลัชต่อเมื่อจะเปลี่ยนเกียร์ หรือขับช้าๆ กันดีกว่า ห้ามวางเท้าไม่ว่าจะเบาๆ หรือหนักๆ บนคลัทช์เป็นอันขาด เพราะหากวางท่านก็จะเผลอเหยียบด้วยความเคยชิน - ห้ามใช้เบรคตลอดเวลา
ขณะขับรถลงเขาหรือทางลาดชันให้แตะเบรคช่วยเป็นระยะๆ ใช้เกียร์ต่ำช่วย ห้ามใช้เบรคตลอดเวลา เพราะการใช้เบรคมากหรือเบรคแช่ตลอดเวลา จะทำให้เบรคเกิดความร้อน ผ้าเบรคอาจจะไหม้ และทำให้เบรคไม่อยู่ ข้อนี้ควรตระหนักไว้มากๆ เพราะอันตรายถึงแก่ชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้ ทางที่ดีควรแตะเบรคในจังหวะจำเป็นเท่านั้น และควรตรวจสอบเบรกรถยนต์ก่อนออกเดินทาง ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยและพร้อมใช้งาน - ห้ามแซงทางโค้ง
โดยเฉพาะโค้งช่วงที่เรามองไม่เห็นรถสวนจากข้างหน้า ค่อยๆ ขับตามอย่างระมัดระวัง “มองให้ไกล” เพื่อประเมินเส้นทางเบื้องต้น เมื่อปลอดภัย และเลยโค้งแล้วค่อยหาจังหวะแซง - ใช้เกียร์ต่ำ
การใช้เกียร์ต่ำขณะขึ้น-ลงเขา หรือทางลาดชัน เป็นตัวช่วงส่งกำลังเพื่อทะยานสู่เนินได้อย่างมั่นใจ และช่วยต้านไม่ให้รถไหลลงเร็วเกินไปจนเสียการควบคุม - ขับรถชิดขอบทางด้านซ้าย
ขับรถชิดทางด้านซ้ายของทางเดินรถ และให้ถือกึ่งกลางของทางเดินรถหรือเส้นหรือแนวที่แบ่งทางเดินรถเป็นหลัก
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ : https://www.autoinfo.co.th