การเคลมประกันรถยนต์คือ?
การเคลมประกันรถยนต์ คือ การนำรถที่เสียหายจากอุบัติเหตุหรือภัยต่างๆ เข้าซ่อมโดยสามารถนำไปซ่อมที่ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้น ๆ หรืออู่ที่มีมาตรฐานที่มีรายชื่ออยู่ในเครือข่ายของบริษัทเคลมประกันรถ ก่อนที่จะทำเรื่องเคลมประกันรถจะต้องมั่นใจเสียก่อนว่า อุบัติเหตุหรือความเสียหายนั้นอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองของประกันที่เราทำหรือไม่จึงจะสามารถเคลมได้ อาจต้องทำการตรวจสอบในเอกสารกรมธรรม์ หรือโทรสอบถามกับทางตัวแทนขายประกันนั่นเอง
ระยะเวลาพิจารณาเคลมประกันรถ
บริษัทจะพิจารณาจ่ายเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถ ผู้มีส่วนได้ส่วนสียของผู้ประสบภัย หรือทายาทโดยธรรมขอผู้ประสบภัยแล้วแต่กรณี ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเอกสารเคลมประกันรถถูกต้องครบถ้วน
บริษัทจะพิจารณาจ่ายสินไหมทดแทนให้ผู้ประกันภัย หรือผู้รับผลประโยชน์ หรือผู้มีสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัยภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเอกสารการเคลมประกันรถถูกต้องและครบถ้วน
การเคลมค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม
ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม คือ เงินค่าชดเชยที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ของฝ่ายที่ผิด ต้องชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายที่เป็นฝ่ายถูกจากการเสียประโยชน์ที่ไม่มีรถใช้ในระหว่างการซ่อม ซึ่งผู้ที่เป็นฝ่ายถูกต้องเป็นคนเรียกร้องสิทธิ์ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถกับบริษัทประกันฯ ของผู้ที่เป็นฝ่ายผิดด้วยตัวเอง และฝ่ายที่ผิดต้องมีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจจึงจะเรียกร้องค่าชดเชยในส่วนนี้ได้
กรณีใดบ้างที่การเคลมประกันรถจะไม่คุ้มครอง
1.ใช้รถยนต์ในทางผิดกฎหมาย เช่น ขนส่งยาเสพติด หรือปล้นทรัพย์สิน
2.ใช้แต่งซิ่งเพื่อนำไปแข่งขัน ซึ่งเป็นการใช้รถยนต์ผิดประเภท แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
3.อุบัติเหตุที่ผู้ขับขี่มีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัม หรือก็คือ เมาแล้วขับนั่นเอง
4.นำรถไปใช้งานแบบลากจูง ซึ่งถือว่าเป็นการใช้รถยนต์ผิดประเภทที่จะทำให้รถยนต์เสียหายโดยไม่ได้เกิดจากการใช้รถแบบปกติ
5.นำรถไปใช้นอกอาณาเขตคุ้มครอง คือ การขับขี่รถออกไปนอกประเทศนั่นเอง แต่หากจำเป็นต้องเอาไปก็สามารถแจ้งกับทางบริษัทประกันได้แล้วแต่กรณี
อุบัติเหตุจากสงคราม การปฏิวัติต่อต้าน อาวุธปรมาณู และความเสียหายจากกัมมันตภาพรังสี
จะเห็นได้ว่าการเคลมประกันรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่ตั้งสติให้ดีแล้วจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อมเพื่อส่งเรื่องเคลม ซึ้งคุณภาพของการบริการเคลมประกันรถนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกัน ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำประกันก็ควนศึกษาการคุ้มครองของบริษัทนั้นให้ดีเสียก่อน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : https://online.scbprotect.co.th