หากหัวฉีดเริ่มตัน แม้การเปิดของตัวหัวฉีดยังมีระยะเวลาปกติ แต่น้ำมันที่ถูกฉีดออกมาอาจมีปริมาณไม่พอดีกับที่เคย ฉีดตามปกติ ทำให้เครื่องยนต์แรงตก หรือกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น น้ำมันเบนซินมีคุณสมบัติทำละลายสิ่งสกปรกในระดับหนึ ่งอยู่แล้ว ตามที่เห็นกันตามอู่เอามาล้างทำความสะอาดอะไหล่ต่างๆ ตลอดเวลาที่มีน้ำมันเบนซินไหลผ่าน หากมีสิ่งสกปรก ก็จะสามารถละลายออกไปได้พอสมควรอยู่แล้ว แต่ก็มีสิ่งสกปรกบางอย่าง ที่ไม่สามารถละลายได้ด้วยน้ำมันเบนซิน จึงทำให้หัวฉีดมีการอุดตัน
ล้างหัวฉีด ทำอย่างไร
การล้างหัวฉีดมีวิธีการหลัก คือ ปล่อยน้ำยาพิเศษให้ไหลเวียนเข้าไปในระบบเดียวกับน้ำมันเบนซินเพื่อทำความสะอาดให้หัวฉีด ส่วนจะได้ผลหรือไม่ มากน้อยแค่ไหนนั้น ไม่สามารถสรุปได้จนกว่าจะมีการล้าง เพราะมี 3 ตัวแปรที่สำคัญ คือ
- สภาพของหัวฉีด
- การอุดตันของสิ่งสกปรกมีความแข็งแค่ไหน
- น้ำยาแรงแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเครื่องยนต์ถูกใช้งานประมาณ 100,000 กิโลเมตรขึ้นไป แม้หัวฉีดของบางเครื่องยนต์จะมีการอุดตันบ้าง แต่การทำงานก็ไม่ได้ออกอาการผิดปกติให้ทราบ
ควรล้างหัวฉีดหรือไม่
ถ้าพิสูจน์ได้ว่าน้ำยาที่ส่งเข้าไปล้างนั้น ไม่มีฤทธิ์แรงมากจนกัดกร่อนท่อส่งน้ำมันหรือซีลในระบ บหมุนเวียนของน้ำมันเบนซิน และมีค่าใช้จ่ายในการล้างไม่แพงจัด ก็สามารถตัดสินใจล้างได้ เพราะถ้าไม่นับเรื่องเงินที่เสียไป เมื่อล้างแล้วก็ไม่น่าจะแย่ลง ก็ไม่มีการแย่ลง เพียงแต่จะได้ผลมากหรือน้อยเท่านั้น
ดังนั้นจึงไม่ควรคาดหวังผลจากการล้างหัวฉีดมากเกินไป ที่แน่ๆ คงไม่ดีขึ้นแบบจากหน้ามือเป็นหลังมือ และในเครื่องยนต์รุ่นเดียวกัน มีอายุการใช้งานที่ใกล้เคียงกัน เมื่อล้างหัวฉีดด้วยน้ำยาชนิดเดียวกันแล้ว ผลที่ได้อาจไม่เท่ากัน เพราะสิ่งสกปรกค้างอาจไม่เท่ากัน และ/หรือมีความแข็งไม่เท่ากัน
จากข้อมูลที่ได้รับมา พบว่ามีบางส่วนเท่านั้นที่ล้างหัวฉีดแล้วได้ผลดีขึ้น แบบสัมผัสได้ บางส่วนก็ดีขึ้นเล็กน้อย และบางส่วนก็ไม่สามารถสัมผัสถึงความแตกต่างได้เลย แต่ทั้งหมดนั้น แน่นอนว่าไม่มีผลเสียในด้านการทำงานของเครื่องยนต์ มีแต่ดีขึ้นกับเสมอตัว
ถ้ายังงง ให้เปรียบเทียบกับนิ่วในร่างกายมนุษย์ แม้ทราบว่ามีก้อนนิ่ว แต่ก็ไม่ทราบว่ายาจะสามารถละลายนิ่วได้หรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับความแรงของยาที่ใช้ รวมทั้งขนาดและความแข็งของก้อนนิ่วนั้น ถ้าแข็งมากอาจต้องผ่าตัดกันเลย
ถ้ารถยนต์ผ่านการใช้งานไปมากกว่า 100,000 กิโลเมตรแล้วสนใจการล้างหัวฉีด ก็สามารถล้างได้ โดยไม่ต้องรอให้เครื่องยนต์มีการทำงานที่ผิดปกติ เพราะถ้าหัวฉีดผิดปกติถึงขนาดทำให้เครื่องยนต์สะดุด การล้างหัวฉีดคงช่วยอะไรไม่ได้ และคงต้องเปลี่ยนหัวฉีด (ถ้าต้นเหตุมาจากตัวหัวฉีดจริงๆ) โดยมีข้อแม้ว่าน้ำยาต้องไม่แรงจัดจนกัดกร่อนท่อยางหรือซีลต่างๆ ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง และต้องทำในราคาที่ไม่แพงเกินไป แต่อาจได้ผลมากน้อยต่างกัน แน่นอนว่าไม่แย่ลง ไม่มีอะไรเสีย นอกจากเงินในกระเป๋า
เครดิต http://www.hondaloverclub.com/forums/showthread.php?t=1022