แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่จำกัด โดยเฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่รถยนต์ของเรานั้นมีอายุโดยประมาณ 1.5-2 ปี ถ้าเราดูแลบำรุงรักษาแบตเตอรี่ ก็จะสามารถช่วยยืดอายุแบตเตอรี่รถยนต์ของเราออกไปได้อีก อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการซึ่งจะช่วยให้คุณดูแลแบตเตอรี่ได้ดี ตัวแปรอื่นๆ ที่มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ได้แก่ สภาพอากาศ ประเภทของรถยนต์ และพฤติกรรมการขับขี่ แบตเตอรี่รถยนต์ต้องมีการบำรุงรักษาตามปกติ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจแนวทางการบำรุงรักษาพื้นฐานหลายประการ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ให้มีอายุการใช้งานมากขึ้น
- รักษาความสะอาดของแบตเตอรี่รถยนต์
การบำรุงรักษาขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อรับประกันว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ดี ตรวจสอบแบตเตอรี่เพิ่มเติมทุกเดือน ประเมินการเกิดสนิมหรือสิ่งสกปรก ถ้าสังเกตุเห็นว่ามีขี้เกลือหรือสนิมมากผิดปกติให้ทำความสะอาดโดยแปรงสิ่งสกปรกออกจากขั้ว ถ้าจะป้องกันการเกิดขีแกลือที่ขั้วแบตเตอรี่ควรใส่แผ่นรองขั้วแบตเตอรี่มีคุณสมบัติป้องกันการเกิดความสกปรกสะสมจนเป็นขี้เกลือจะทำให้ไฟเดินได้ไม่สะดวก - ถอดแบตเตอรี่ออกเมื่อไม่ได้ใช้งาน
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์ของเราจะคลายประจุไฟของตัวมันเองอยู่แล้ว จะมากจะน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระบบไฟในรถรั่วซึม หรือ การลืมเปิดไฟเก๋งทิ้งไว้ ระดับแรงดันไฟแบตเตอรี่ ควรอยู่ระหว่าง 12.0 – 13.0 V. ไม่ควรคายประจุไฟต่อเนื่องนานๆ จนต่ำกว่า 10.5V. จะทำให้แบตเสื่อมได้ง่าย ควรชาร์จไฟแบตเตอรี่รถยนต์อยู่เสมอ(โดยการขับรถ) อย่างน้อยสัปดาห์ละ1-2 ครั้ง เพื่อไม่ให้น้ำกรดเกิดผลึกซัลเฟตและไฟในแบตเตอรี่หมด ความจุของแบตเตอรี่จะลดลง 50% ทุกๆ อุณหภูมิที่ต่ำลง 12 องศา (22 ฟาเรนไฮต์) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมในตอนเช้าที่อากาศเย็นเราถึงสตาร์ทรถติดได้ยาก(อุณหภูมิปกติ 25 องศา) สำหรับรถเก่าหากคุณมีแนวโน้มที่จะจอดรถทิ้งไว้อย่างน้อยสองสัปดาห์ ให้ปลดขั้วแบตเตอรี่ออกทั้งขั้วบวก และลบ เพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่ให้ยังมีประจุไฟฟ้าเหลืออยู่ เพราะนอกจากประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะลดลงหากไม่ได้ขับ ยังมีโอกาสเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วได้ - ขับรถบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์
การออกไปขับรถระยะสั้น (ไปเซเว่นหน้าปากซอย) เป็นประจำอาจทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ของคุณเสื่อมได้ พูดง่ายๆ ให้เห็นภาพได้ชัดเราสตาร์ทเครื่อง 2 ครั้ง ไป 1 กลับ1 ขับแค่ 0.5 กม. ไดร์ชาร์จยังไม่เติมไฟเข้าแบตเตอรี่เลยก็ถึงบ้านซะแล้ว การขับรถเป็นเวลา 30-45 นาทีอย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์จะรับประกันว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับจะชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม โดยคุณไม่จำเป็นต้องสนใจปลายทาง เพียงแค่ขับให้ได้ระยะเวลาที่แนะนำข้างต้นก็พอ - ไม่เปิดอุปกรณ์เสริมทั้งหมด
ไม่เปิดอุปกรณ์เสริมทั้งหมด เช่น แอร์ เครื่องเสียง ในขณะที่ยังไม่สตาร์ทเครื่องยนต์เพราะแหล่งพลังงานที่นำมาใช้กับอุปกรณ์ทั้งหมด จะมาจากแบตเตอรี่รถยนต์ของเราโดยตรง แบตเตอรี่ตะกั่วกรดออกแบบมาเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์รถยนต์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการคายประจุแบบลึก (ใช้ไฟจนหมด) แบตเตอรี่สามารถได้รับความเสียหายได้ง่ายจากการปล่อยประจุลึก การปล่อยประจุลึกซ้ำแล้วซ้ำอีก จะส่งผลให้สูญเสียกำลัง และในที่สุดก็เกิดความล้มเหลวก่อนวัยอันควรเนื่องจากขั้วไฟฟ้าจะสลายตัวเนื่องจากความเค้นเชิงกลที่เกิดขึ้นจากการแปรรูป แบตเตอรี่เริ่มต้นที่เก็บประจุแบบลอยอย่างต่อเนื่องจะได้รับการกัดกร่อนของอิเล็กโทรดซึ่งจะส่งผลให้พังก่อนเวลาอันควร - ป้องกันแบตเตอรี่
ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าได้ติดตั้งแบตเตอรี่รถยนต์อย่างถูกต้องและปลอดภัยแล้ว การผลัก และเคลื่อนย้ายอาจทำให้แบตเตอรี่หลุดออกจากสายของตัวเอง หากไม่ได้รับการยึดอย่างเหมาะสมอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไม่เพียงแต่คุณกำลังทำลายแบตเตอรี่รถยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นการทำร้ายตัวเองด้วย - ชาร์จแบตเตอรี่
เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับไม่เพียงพอ(ไดชาร์จเริ่มเสื่อมสภาพ) ที่จะประจุแบตเตอรี่รถยนต์ให้เต็ม และแบตเตอรี่จะหมดหากรถถูกใช้งาน การใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อเติมประจุแบตเตอรี่ให้เต็มอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือควรรีบเปลี่ยนไดชาร์จก่อนที่แบตเตอรี่รถยนต์ของคุณจะจะเสียหรือไฟหมดก่อน - ดูแลระดับน้ำในแบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น ต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำอยู่เสมอๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำต่ำกว่าขีดต่ำสุดที่โรงงานผู้ผลิตกำหนดไว้ เพราะนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ของเราเสื่อมหรือพังก่อนเวลาอันควร
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : https://www.toyotathajean.co.th